ป้ายจากวัสดุ Lexan ความทนทานที่ปลอดภัยในโรงงานและสำนักงาน

ในอุตสาหกรรมและอาคารสำนักงานยุคใหม่ การระบุตำแหน่ง การแจ้งเตือน และการจัดการอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบคือหัวใจสำคัญของทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย วันนี้เราขอแนะนำ ป้าย Lexan นวัตกรรมจากวัสดุโพลีคาร์บอเนตประสิทธิภาพสูง ที่ไม่เพียงแต่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัย แต่ยังให้ความทนทานและความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างเหนือชั้น

Lexan (เลกซาน) คือพลาสติกวิศวกรรมชั้นเยี่ยมที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและคุณสมบัติเฉพาะตัว ป้ายที่ผลิตจาก Lexan ของเรามีฃน้ำหนักเบา ไม่เป็นภาระต่อเครื่องจักรหรือโครงสร้างใดๆ จุดเด่นที่สำคัญที่สุดคือคุณสมบัติ ไม่ลามไฟ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่ต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยสูงสุด คุณจึงมั่นใจได้ในยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ Lexan ยัง ไม่เป็นสนิม หมดห่วงเรื่องการผุกร่อน ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความชื้น สารเคมี หรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยแค่ไหนป้ายก็ยังคงสภาพดีและใช้งานได้ยาวนาน

นอกจากคุณสมบัติหลักเหล่านี้ Lexan ยังมีข้อดีอีกมากมายที่ทำให้เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับป้ายอุตสาหกรรม:

ทนทานต่อแรงกระแทกสูง: แข็งแรงกว่ากระจกถึง 250 เท่า ทำให้ป้ายไม่แตกหักง่าย แม้โดนกระแทกหรือแรงกระแทก

ทนทานต่อสารเคมี: ทนต่อกรดและสารเคมีบางชนิด เช่น น้ำมันเบนซิน ทำให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมโรงงานที่มีการสัมผัสกับสารเคมี

คงรูปดีเยี่ยมในช่วงอุณหภูมิกว้าง: ทนทานต่ออุณหภูมิได้ตั้งแต่ติดลบไปจนถึงความร้อนสูง โดยไม่เสียรูปทรง ทำให้เหมาะกับการใช้งานในหลากหลายสภาพแวดล้อม

ขึ้นรูปง่าย: สามารถเจาะหรือดัดโค้งได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อน ทำให้เราสามารถผลิตป้ายรูปทรงและขนาดต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย

ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย เราสามารถ พิมพ์ป้ายได้ทุกสี ตามที่คุณต้องการ ทำให้ป้ายมีความคมชัด สวยงาม และสื่อความหมายได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นป้ายแจ้งเตือน ป้ายบ่งชี้ หรือป้ายข้อมูลต่างๆ และที่สำคัญ เราสามารถ ไดคัท หรือตัดป้ายให้เป็นรูปทรงใดๆ ก็ได้ตามสั่ง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปทรงสี่เหลี่ยมพื้นฐาน

จากป้ายแขวนวาล์ว... สู่ทุกความต้องการในโรงงาน

ตัวอย่างในภาพเป็นป้ายแขวนวาล์ว (เช่น ป้าย "CLOSE" สีแดง หรือ "OPEN" สีเขียว) ซึ่งช่วยให้การบริหารจัดการระบบท่อและวาล์วเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ปกติแล้วเรามักเห็นทำจากวัสดุอคริลิคซึ่งก็ใช้การได้ดี แต่กับ Lexan ที่มีคุณสมบัติบางอย่างโดดเด่นจึงจำมาทำป้ายได้หลากประเภทในโรงงานและสำนักงานได้อีก ไม่ว่าจะเป็น:

ป้ายชื่อเครื่องจักร: ระบุข้อมูลสำคัญของเครื่องจักรได้อย่างชัดเจนและทนทาน

ป้ายติดตู้ไฟฟ้า: บอกรายละเอียดวงจรไฟฟ้าหรือการเชื่อมต่อ <ดูตัวอย่างจากวัสดุอื่น>

ป้ายชื่อสวิทช์ไฟฟ้า: เพื่อความปลอดภัยในการควบคุมและบำรุงรักษา <ดูตัวอย่าง>

ป้ายชื่อสายไฟ: จัดระเบียบระบบสายไฟให้เข้าใจง่าย <ดูตัวอย่างวัสดุสแตนเลส>

ป้ายชื่อห้อง: สำหรับการจัดระเบียบพื้นที่ในสำนักงานหรือโรงงาน

แผ่น Graphic Annunciator: สำหรับตู้ควบคุมไฟฟ้าที่ต้องการความแม่นยำสูง <ตัวอย่างจากวัสดุสแตนเลส>

ป้ายจากวัสดุ Lexan จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับผลิตป้ายคุณภาพสูงที่เน้น ความปลอดภัย ความทนทาน และความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงสุด ติดต่อเรา วันนี้เพื่อปรึกษาและออกแบบป้าย Lexan (รวมทั้งป้ายสำหรับเครื่องจักรงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอื่นๆ) ได้เลยค่ะ 

สีกับการใช้ในงานผลิตป้ายต่างๆ

ป้ายต่างๆ ไม่ว่าจะมีวัตถุประสงค์อะไรก็มักจะต้องมีสีสันด้วย ป้ายบางชนิดถึงกับจำเป็นต้องมีสีเฉพาะตัวของมันด้วยซ้ำ (เช่น ป้ายบังคับ ป้ายเตือนจราจร ป้ายความปลอดภัย ต่างๆ) จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ในการทำป้ายจะต้องใช้สีร่วมด้วย  ไม่ว่าจะทา พ่น จุ่ม หรืออะไรก็ตาม สีเป็นองค์ประกอบอยู่เสมอ (จะยกเว้นก็แต่ป้ายแบบสติกเกอร์ที่มีสีของตัวสติกเกอร์ตรงกับความต้องการพอดี แบบนี้นับว่าโชคดีที่ไม่ต้องเดือดร้อนทำสีเพิ่มอีก)  แต่ถ้าถึงคราวจะต้องใช้สีมาช่วยแล้วล่ะก็ เราคงสงสัยว่าโดยทั่วๆ ไปแล้วมีสีอะไรที่เหมาะสมกับวัสดุชนิดใดบ้าง  ในบทความตอนนี้เราจะพูดถึงเฉพาะสีที่ดีที่สุดสำหรับพื้นผิวโลหะ ไม้ และพลาสติก กัน

พื้นผิวโลหะ

สำหรับป้ายโลหะ การเลือกสีที่มีการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมและทนต่อสภาพอากาศเป็นสิ่งสำคัญมาก สีอะคริลิกอีนาเมลเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความทนทานและความเงางามที่สวยงาม สีกลุ่มนี้สามารถป้องกันสนิมและรังสี UV ได้ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง สีอีกประเภทหนึ่งคือสีอีพ็อกซี่ที่จะเคลือบผิวโลหะได้แข็งแรงและทนต่อสารเคมี เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การใช้สีรองพื้น (ไพรเมอร์) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับโลหะสามารถเพิ่มการยึดเกาะและป้องกันการเกิดสนิมได้ค่ะ


พื้นผิวไม้

เมื่อทำการทาสีป้ายไม้ สีอะคริลิกเป็นที่นิยมเนื่องจากความหลากหลายและความสะดวกในการใช้งาน สีประเภทนี้แห้งเร็วและสามารถทำความสะอาดด้วยน้ำ ทำให้ใช้งานง่าย  ถ้าต้องการผิวสีที่แข็งแรงยิ่งขึ้น ควรพิจารณาใช้สีที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมซึ่งจะให้สีที่เข้มข้นและพื้นผิวที่แข็งแรงทนทานสามารถปกป้องพื้นผิวไม้จากความชื้นและการสึกหรอได้ การทาเคลือบใสหรือแลคเกอร์หลังจากการทาสีสามารถยืดอายุการใช้งานของป้ายของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ


พื้นผิวพลาสติก

การทาสีพลาสติกอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะบางครั้งทาาแล้วไม่ค่อยติดบนพื้นผิวที่ไม่ดูดซึมสี  จึงสามารถเลี่ยงไปใช้สเปรย์สีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับพลาสติกเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ให้การเคลือบที่สม่ำเสมอและความยืดหยุ่นที่ดี มองหาสีที่มีส่วนผสมของไพรเมอร์หรือมีป้ายระบุว่า “ไม่ต้องใช้ไพรเมอร์” เพื่อความสะดวกในการใช้งาน สีอะคริลิกสามารถใช้ได้หากมีการทาสีรองพื้นพลาสติกก่อน ซึ่งจะช่วยให้การยึดเกาะดีขึ้น


สรุป

การเลือกสีที่เหมาะสมสำหรับป้ายและฉลากของสามารถเพิ่มความสวยงามและอายุการใช้งานของป้ายต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นป้ายชนิด โลหะ ไม้ หรือพลาสติก ก็มีสีที่เหมาะสมให้เลือกใช้ได้เพียงแต่ต้องมีความเข้าใจคุณสมบัติของสีแต่ละประเภทและการทำงานของสีแต่ละชนิดกับวัสดุต่างๆ เมื่อเลือกได้ถูกต้องเราจะมั่นใจได้ว่าป้ายที่ทำขึ้นไม่เพียงแต่ดูดีแต่ยังทนทานต่อการใช้งานในระยะยาวอีกด้วย  

การเลือกกาวที่เหมาะสมสำหรับพื้นผิวที่ทาสี

เมื่อพูดถึงการติดตั้งป้ายและสัญลักษณ์แล้ว หลายครั้งเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดลงบนพื้นผิวที่ถูกทาสีเอาไว้ ถ้าการติดตั้งทำด้วยการเจาะรูยึดสกรูหรือโบ้ลท์ก็คงหมดปัญหาเรื่องความแข็งแรง แต่บางทีก็ทำแแบบนั้นไม่ได้จำเป็นต้องติดตั้งด้วยวิธีอื่น เรามักติดด้วยวัสดุเหนียวอื่นๆ ที่เรียกรวมๆ ว่า "กาว" หรือ "เทป"  การเลือกกาวที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจในความทนทานสวยงาม เราลองมาดูกันว่ามีอะไรให้เราเลือกบ้างนะคะ 

1. กาวอีพ็อกซี่

กาวอีพ็อกซี่เป็นที่กันในเรื่องความแข็งแรงและความทนทาน ประกอบด้วยสองส่วนคือเรซินและฮาร์ดเดนเนอร์ อีพ็อกซี่ติดเชื่อมได้แข็งแกร่ง รับน้ำหนักได้มาก ทนสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการติดป้ายโลหะหรือพลาสติกบนพื้นผิวที่ทาสี ข้อเสียคืออาจใช้เวลานานในการแข็งตัวและรับแรงได้เต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้คือการยึดติดที่แข็งแรงและยาวนาน ซึ่งถ้าเราวางแผนว่าเราอาจจะต้องแกะป้ายนั้นออกในอีกช่วงเวลาไม่นาน วิธีนี้อาจจะเหนื่อยในการแกะ แคะ สักหน่อยล่ะค่ะ

2. กาวซุปเปอร์กลู 

พวกนี้มีพื้นฐานจากสารเคมีประเภทไซยาโนอะคริเลต (Cyanoacrylate) เหมาะสำหรับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็วและติดยึดของที่มีน้ำหนักเบา กาวซุปเปอร์กลูยึดติดได้อย่างรวดเร็วกับพื้นผิวหลากหลายประเภท รวมถึงพื้นผิวที่ทาสี และเหมาะสำหรับป้ายขนาดเล็กและเบา ไม่เหมาะกับบริเวณที่ต้องรับแรงกระแทกมากหรือหนัก ถ้าป้ายของลูกค้าไม่หนักมากและอยู่บริเวณที่ไม่สะเทือนไม่ถูกกระแทกแล้วล่ะก็ กาวซุปเปอร์กลูก็ให้การยึดเกาะที่แข็งแรงพอทีเดียว

3. กาวสำหรับการก่อสร้าง

กาวสำหรับการก่อสร้างคือกาวจำพวกซิลิโคนซึ่งมีหลากหลายชนิดมาก ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับงานที่ติดตั้งยาก เหมาะสำหรับการติดตั้งป้ายขนาดใหญ่หรือหนักบนพื้นผิวที่ทาสี กาวเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ยึดติดได้แน่นบนวัสดุต่างๆ รวมถึงไม้ โลหะ และพลาสติก ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในป้ายต่างๆ หลากหลายมาก และยังทนทานต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ความชื้นและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอีกด้วย เรียกว่า ถ้าต้องเปียกชื้น ร้อนๆ หนาวๆ ล่ะก็ กาวแบบนี้เหมาะเลยเชียว

4. กาวเหลว

คล้ายกับกาวสำหรับการก่อสร้าง แต่พวกนี้จะแข็งเมื่อแห้ง บางทีเราเรียกว่ากาวตะปูก็ได้ กาวแบบนี้มีมีประสิทธิภาพสูงในการยึดป้ายเข้ากับพื้นผิวที่ทาสี มีการยึดเกาะที่แข็งแกร่งและเหมาะสำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอก กาวประเภทนี้มีประโยชน์โดยเฉพาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการการยึดเกาะที่แข็งแรงสูง  แต่ก็คล้ายๆ กับอีพ็อกซี่ที่เวลาแกะออกจะยากมาก เหมาะสำหรับป้ายที่ตั้งใจติดไว้แบบไม่มีกำหนดนั่นเอง

5. เทปกาวสองหน้า

สำหรับการใช้งานที่ต้องการความรวดเร็ว เทปกาวสองหน้าแบบที่มีความแข็งแรงสูงพิเศษก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม จริงๆ แล้วมีหลายเกรดตั้งแต่แบบธรรมดา แรงยึดน้อยแถมไม่กันน้ำ ไปถึงแบบเหนียวสุดติ่งทนน้ำทนฝน การใช้งานง่าย รวดเร็ว ติดปุ๊บอยู่ทันที (จริงๆ เพื่อให้แข็งแรงเต็มที่อาจจะใช้เวลาสักหน่อย) เหมาะสำหรับป้ายและสัญลักษณ์ที่มีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการติดตั้งที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเจาะพื้นผิวที่ทาสีสวยงามเอาไว้แล้ว 

โดยสรุป การเลือกกาวขึ้นอยู่กับขนาด น้ำหนัก และสภาพแวดล้อมของป้าย การใช้กาวที่เหมาะสมเราก็มั่นใจได้ว่าป้ายของคุณจะยังคงติดแน่นอยู่ในที่ของมัน ทำให้มีประโยชน์ในการใช้งานและสวยงาม ลูกค้าสามารถ ติดต่อเรา เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับกาวที่ใช้ในการยึดป้ายต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ป้ายที่หลากหลายของเราได้เลยนะคะ

ป้ายสวิทช์ไฟฟ้าพลาสติกสองชั้น

 

ป้ายพลาสติกสองชั้น (Traffolyte หรือ Rowmark) เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับท่านที่กำลังมองหาป้ายที่ทนทาน ใช้งานได้นาน โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม ห้องควบคุมไฟฟ้าของตึกต่างๆ ป้ายชนิดนี้ผลิตจากพลาสติกสองชั้นที่มีสีสันสวยงาม สามารถเลือกสีได้ตามต้องการ และด้วยการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ในการเซาะร่อง ป้ายแต่ละชิ้นจึงมีความคมชัด และไม่สามารถลอกเลือนหรือจางหายไปได้ง่ายๆ เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความทนทาน เช่น ป้ายชื่อเครื่องจักร, ป้ายติดตู้ไฟฟ้า, ป้ายชื่อสวิทช์ไฟฟ้า คุณสมบัติเด่นของป้ายพลาสติกสองชั้นนี้คือความทนทานที่สามารถทนต่อความชื้นหรือสารเคมีได้ดี ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก รวมถึงลักษณะการเซาะร่องด้วยเลเซอร์ที่จะทำให้ข้อความหรือกราฟิกบนป้ายดูเด่นชัดและไม่หลุดลอก แม้จะผ่านการใช้งานไปนานแค่ไหน  

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ป้ายชนิดนี้เหมาะมากคือการสั่งทำแบบเฉพาะตัว คุณสามารถเลือกสี ขนาด หรือรูปร่างของป้ายได้ตามต้องการ เพราะเราไม่มีสต็อกป้ายสำเร็จรูป จึงสามารถออกแบบป้ายให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้เต็มที่  

หากลูกค้ากำลังมองหาป้ายที่ทนทานและมีคุณภาพสูง ติดต่อ-สั่งทำกับเรา ได้เลย เรายินดีให้คำแนะนำและออกแบบป้ายให้ตรงกับความต้องการของคุณ พร้อมบริการที่รวดเร็วและการส่งมอบที่ตรงเวลา 

สติ๊กเกอร์ติดท่อดีกว่าการพ่นสีอย่างไร

ในอุตสาหกรรมที่มีการใช้ท่อหลากหลายประเภท เช่น ท่อน้ำ ท่ออากาศ ท่อแก๊ส หรือท่อในระบบต่างๆ ของโรงงาน การเลือกวิธีการติดป้ายบนท่อให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ป้ายที่ใช้สติ๊กเกอร์ในการติดท่อเป็นทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายๆ ธุรกิจ ด้วยข้อดีที่มากมายทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความสวยงาม และการประหยัดเวลา ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าทำไมการใช้ป้ายสติ๊กเกอร์แทนการทาสีหรือใช้หน้ากากพ่นสี จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับการติดท่อในโรงงานหรือสำนักงาน

1. สะดวกและรวดเร็ว

การใช้ป้ายสติ๊กเกอร์ในการติดท่อจะช่วยประหยัดเวลาได้มากเมื่อเทียบกับการทาสีหรือการใช้หน้ากากพ่นสี หากคุณต้องการติดป้ายหลายๆ จุดหรือหลายๆ สี วิธีการพ่นสีจะต้องใช้เวลาหลายรอบในการรอให้สีแห้ง ซึ่งจะทำให้กระบวนการทั้งหมดช้าลงและอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ (นึกภาพแค่สีหกหรือพ่น ทา แล้วเลอะเทอะเนี่ย แก้กันเหนื่อยเลย) แต่การใช้สติ๊กเกอร์สามารถติดได้ทันทีหลังจากพิมพ์หรือผลิตเสร็จ โดยไม่ต้องรอเวลาแห้ง ซึ่งทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. สวยงามและดูมืออาชีพ

ป้ายสติ๊กเกอร์ติดท่ออาจจะผลิตด้วยการพิมพ์หรือการตัดสติกเกอร์แล้วติดเข้าด้วยกัน ทั้งคู่ให้ผลงานคุณภาพสูง ให้ภาพลักษณ์ดูสวยงามและเรียบร้อย ซึ่งทำให้สถานที่ทำงานดูสะอาดตาและเป็นระเบียบ หากเทียบกับการทาหรือพ่นสีที่อาจจะดูไม่เรียบร้อย ขึ้นกับฝีมือผู้ปฏิบัติงาน และอย่างไรแล้วก็อาจหลุดลอกตามเวลาการใช้งาน ป้ายติดท่อที่ทำจากสติ๊กเกอร์มีความคมชัดของตัวอักษรและกราฟิกที่ดูดี ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้ดูเป็นมืออาชีพ

3. สามารถปรับแก้ไขได้ง่าย

การเปลี่ยนแปลงหรือการแก้ไขข้อมูลบนป้ายสติ๊กเกอร์ก็เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ลอกสติ๊กเกอร์เก่าออกและติดสติ๊กเกอร์ใหม่ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการทาสีหรือพ่นสีใหม่ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลหรือความต้องการของธุรกิจ เช่น การเปลี่ยนชื่อของเครื่องจักรหรือการย้ายตำแหน่งของท่อ สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก 

4. ประหยัดค่าใช้จ่าย

การใช้ป้ายสติ๊กเกอร์มักมีราคาที่คุ้มค่ากว่าการใช้วิธีการพ่นสี เนื่องจากไม่ต้องมีวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ซับซ้อน เช่น เครื่องพ่นสี หรือสีต่างๆ ที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง การผลิตป้ายสติ๊กเกอร์สามารถทำได้ในจำนวนมากและมีราคาที่เหมาะสม ทำให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายในภาพรวม 

5. ทนทานและทนต่อสภาพแวดล้อม

ป้ายสติ๊กเกอร์ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น วัสดุพีวีซี (PVC) หรือวัสดุพิเศษ (ติดต่อเราได้นะคะ เราจัดหาให้ได้) ที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมี เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับน้ำหรือสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม โดยไม่เสื่อมสภาพเร็วหรือหลุดลอกง่าย การเลือกใช้สติ๊กเกอร์ที่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันแดด และทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง จะช่วยให้ป้ายมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

6. การติดตั้งง่ายและไม่ต้องการเครื่องมือพิเศษ

การติดตั้งป้ายสติ๊กเกอร์ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษใดๆ เพียงแค่ลอกแผ่นหลังออกแล้วติดลงบนพื้นผิวท่อที่ต้องการ การติดตั้งจึงสะดวกและสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญพิเศษ ทำให้การติดป้ายเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

โดยสรุปแล้ว การเลือกใช้ป้ายสติ๊กเกอร์ในการติดท่ออุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่จะทำให้กระบวนการทำงานรวดเร็วและสะดวกสบายขึ้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสวยงามและมืออาชีพให้กับสถานที่ทำงานของคุณอีกด้วย นอกจากนี้ยังประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับวิธีการทาสีหรือการใช้หน้ากากพ่นสี ที่สำคัญที่สุดคือ ป้ายสติ๊กเกอร์สามารถแก้ไขและปรับเปลี่ยนได้ง่ายเมื่อมีความจำเป็น

หากคุณลูกค้ากำลังมองหาผู้ผลิตป้ายที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้งานในอุตสาหกรรมของคุณ ติดต่อเรา เพื่อรับคำแนะนำและบริการที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เรายินดีที่จะช่วยให้การติดป้ายท่อของคุณเป็นเรื่องง่าย สวย และสะดวกง่ายดายสุดๆ 

มาตรฐานการติดตั้งป้ายความปลอดภัยในโรงงาน

 

การติดตั้งป้ายความปลอดภัยมีข้อกำหนดและมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้ป้ายเหล่านั้นสามารถแสดงข้อมูลได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพในการป้องกันอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินในสถานที่ทำงานหรือพื้นที่สาธารณะ ต่อไปนี้คือข้อกำหนดที่สำคัญในการติดตั้งป้ายความปลอดภัย

1. การเลือกประเภทและรายละเอียดของป้าย

ป้ายความปลอดภัยควรแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง เช่น ป้ายเตือนภัย ป้ายบังคับ หรือป้ายห้ามต้องมีสัญลักษณ์ที่เข้าใจได้ง่ายและตรงตามมาตรฐาน เช่น การใช้สัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ISO  ANSI  OSHA (Occupational Safety and Health Administration) หรือ มอก. ของไทยเรา

2. ความชัดเจนและมองเห็นได้ง่าย

ป้ายต้องติดตั้งในที่ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลและไม่ถูกบัง ควรติดตั้งในระดับสายตาของผู้ใช้งาน เช่น ในที่ที่ผู้คนจะเห็นได้ง่ายเมื่อเดินเข้าไปในพื้นที่ ป้ายต้องใช้ตัวอักษรและสัญลักษณ์ที่มีขนาดใหญ่พอสมควรและมีสีที่แตกต่างจากพื้นหลังเพื่อให้เด่นชัด

3. ตำแหน่งในการติดตั้ง

ควรติดตั้งป้ายในตำแหน่งที่สำคัญ เช่น ใกล้กับอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงหรือจุดทางออกฉุกเฉิน ป้ายที่เกี่ยวข้องกับทางออกหรือเส้นทางหนีภัยควรติดตั้งในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากทุกทิศทาง บางครั้งอาจจะต้องใช้ป้ายแบบสามมิติคือติดตั้งแล้วยื่นออกมาจากผนัง จะทำให้เห็นได้จากทิศทางการมองแนบกับผนังนั้นด้วย

4. วัสดุของป้าย

ป้ายความปลอดภัยต้องทำจากวัสดุที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งาน เช่น อะลูมิเนียม สแตนเลส หรือพลาสติกที่มีความทนทานสูงต่อแรงกระแทก ความชื้น  และการสึกกร่อน  ป้ายต้องทนทานต่อการขูดขีดหรือถูกทำร้ายทางกล การลอกเลือน หรือการขีดข่วนจากการใช้งานในระยะยาว

5. การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐาน

ป้ายความปลอดภัยต้องสอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น มาตรฐานสากล (ISO 3864: สีและสัญญลักษณ์, ISO 7010: เครื่องหมายประเภทต่างๆ) มาตรฐานของอเมริกา (ANSI Z535) หรือ มาตรฐานไทย (มอก. 635-2554) สำหรับความปลอดภัยในการทำงาน ควรตรวจสอบว่าองค์กรหรือสถานที่ของคุณต้องการป้ายประเภทใด และมาตรฐานเฉพาะที่ต้องปฏิบัติตาม

6. การบำรุงรักษาและตรวจสอบ

ต้องมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาป้ายให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนตลอดเวลา หากป้ายสกปรกหรือผุ่นผิดจนมองเห็นยากก็ควรทำความสะอาดให้สะอาดให้มองเห็นได้ชัดเจน

สรุป

การติดตั้งป้ายความปลอดภัยไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการสร้างความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุในสถานที่ทำงานหรือในพื้นที่สาธารณะ การเลือกวัสดุที่ทนทาน การติดตั้งในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน และการตรวจสอบการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง ถ้าลูกค้าต้องการทำป้ายความปลอดภัยจากวัสดุต่างๆ สามารถ ติดต่อเรา เพื่อปรึกษาหรือสั่งทำได้นะคะ ขอบคุณค่ะ

ป้ายพลาสติกสองชั้น สำหรับติดตู้ไฟฟ้า และเครื่องจักร

ทนทาน สวยงาม ใช้งานได้ยาวนาน ในธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมต้องการความแม่นยำในการจัดการและควบคุมการทำงานของเครื่องจักร การติดตั้งป้ายบ่งชี้ต่างๆ อย่างถูกต้องและชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการติดป้ายที่ตู้ไฟฟ้า ป้ายห้องควบคุมเครื่องจักร หรือป้ายเครื่องจักรต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ป้ายพลาสติกสองชั้น (Traffotyte) ที่เราผลิตขึ้นมานั้นจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการเหล่านี้

ป้ายพลาสติกของเราเป็นวัสดุที่ผลิตจากพลาสติกชนิดสองชั้น ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นที่ไม่เหมือนใคร โดยชั้นบนของป้ายจะเป็นสีหนึ่งและชั้นล่างเป็นอีกสีหนึ่ง เมื่อนำมาประกบติดกันจากโรงงาน การเซาะลวดลายหรือข้อความออกจากชั้นบนด้วยเครื่องเลเซอร์ (laser engraving) หรือเครื่องกัดกลไก (mechanical engraver) จะทำให้ข้อความที่ได้บนป้ายเป็นสีจากชั้นล่างที่มีความคมชัดและไม่ลอกเลือน แม้จะใช้งานเป็นเวลานาน

จุดเด่นของป้ายพลาสติกสองชั้น  

1. ทนทานและแข็งแรง 

พลาสติกสองชั้นที่เรานำมาใช้ผลิตป้ายมีความทนทานสูง สามารถต้านทานสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น ความร้อน หรือแม้แต่การขูดขีด ซึ่งทำให้ป้ายสามารถอยู่ในสภาพที่ดีได้ยาวนาน

2. หลากหลายสีสัน 

เรามีสีให้เลือกหลากหลาย ทำให้คุณสามารถเลือกสีที่ตรงตามความต้องการของการออกแบบ หรือให้สอดคล้องกับมาตรฐานสีในโรงงานของคุณได้

3. เบาและติดตั้งง่าย 

เนื่องจากป้ายทำจากพลาสติกที่มีน้ำหนักเบา ทำให้การติดตั้งทำได้ง่ายและสะดวก อีกทั้งยังไม่เกิดปัญหาการพังเสียหายง่ายๆ

4. การใช้งานที่ยาวนาน 

ด้วยเทคนิคการเซาะข้อความที่ทำให้ตัวอักษรเกิดจากการเปิดเผยชั้นล่าง คุณจึงมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเสียดสีหรือการใช้งานที่ยาวนาน ตัวอักษรจะไม่ลอกหรือซีดจาง

5. เหมาะสำหรับทั้งในโรงงานและสำนักงาน

ไม่ว่าจะเป็นการติดป้ายที่ตู้ไฟฟ้า ป้ายแสดงชื่อเครื่องจักร หรือป้ายกำกับห้องควบคุมเครื่องจักร ป้ายพลาสติกชนิดนี้จะช่วยให้การทำงานเป็นระเบียบและปลอดภัยมากขึ้น

การเลือกใช้ป้ายพลาสติกสองชั้นกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ นอกจากจะช่วยเพิ่มความชัดเจนในการใช้งานแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความสวยงามและความมืออาชีพให้กับสถานที่ทำงานอีกด้วย หากท่านกำลังมองหาป้ายที่ทนทาน ทนต่อสภาพแวดล้อม และสามารถใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องหาที่ไหนอีกแล้ว เราพร้อมให้บริการผลิตป้ายพลาสติกคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า พร้อมบริการที่รวดเร็วและตรงเวลา

ติดต่อเราเพื่อสั่งทำป้ายพลาสติกที่คุณต้องการในวันนี้ได้เลย เพื่อให้การทำงานในโรงงานและสำนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดค่ะ

ป้ายสถานะเครื่องจักร

ของมันต้องมี เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน

ในโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานที่มีการใช้เครื่องจักรหรือระบบไฟฟ้า ป้ายสถานะเครื่องจักรถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างดี โดยเฉพาะป้ายชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อแสดงสถานะการทำงานของเครื่องจักร ที่มีลักษณะเป็นแผ่นกลมหมุนได้ซึ่ง ออกแบบให้มีช่องให้เห็นสถานะของเครื่องจักรเพียงสถานะเดียว จึงชัดเจนไม่สับสน

ความสำคัญของป้ายสถานะเครื่องจักร

ป้ายสถานะเครื่องจักรที่มีลักษณะเป็นแผ่นกลมหมุนได้จะแสดงสถานะของเครื่องจักรที่กำลังทำงาน การใช้งานก็เพียงหมุนวงกลมให้ตรงกับสถานะที่ต้องการ เช่น "ทำงานปกติ", "อยู่ระหว่างการซ่อม", "กำลังทดสอบเครื่อง", "รองานเข้า" และสถานะอื่นๆ (ลูกค้าสั่งทำได้ว่าต้องการกี่สถานะ สีอะไร) ซึ่งทำให้ผู้ปฏิบัติงาน ช่าง หัวหน้าแผนก หรือเจ้าหน้าที่อื่น สามารถตรวจสอบสถานะเครื่องจักรได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง

ความสำคัญในด้านความปลอดภัย

แน่นอนว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโรงงานอุตสาหกรรม ป้ายสถานะเครื่องจักรที่ชัดเจนและใช้งานง่ายช่วยลดความเสี่ยงในการทำงาน โดยการบอกสถานะของเครื่องจักรชัดเจนทำให้พนักงานและผู้ดูแลระบบสามารถรู้ได้ทันทีว่าเครื่องจักรกำลังทำงานอยู่ในสถานะใด และถ้ามีปัญหาหรือสถานะผิดปกติ เช่น เครื่องจักรกำลังอยู่ระหว่างการซ่อม หรือกำลังทดสอบ สามารถหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เครื่องจักรที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

ความสะดวกในการทำงาน

การใช้ป้ายสถานะเครื่องจักรที่สามารถหมุนได้เพื่อแสดงสถานะต่างๆ ช่วยให้การทำงานในโรงงานหรือสำนักงานเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องหยุดงานเพื่อหาข้อมูลสถานะเครื่องจักรจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ หรือต้องคอยให้พนักงานตรวจสอบสถานะเครื่องจักรในทุกๆ ครั้ง ป้ายชนิดนี้ช่วยให้สามารถดูสถานะได้ทันที ซึ่งทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ผลตอบแทนทางธุรกิจ

จ่ายเงินแล้วคุ้มแน่นอน การลงทุนในป้ายสถานะเครื่องจักรที่คุณภาพสูงใช้งานได้จริงช่วยให้โรงงานหรือธุรกิจทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ลดเวลาในการหยุดทำงานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิด และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่รู้สถานะของเครื่องจักร (ถ้าเครื่องกำลังซ่อมแล้วใครไปใช้ช่างซ่อมอาจบาดเจ็บได้ หรือถ้าเครื่องไม่สมบูรณ์ใครไปใช้ทำงานชิ้นงานที่ได้ออกมาก็เสียหายใช้การไม่ได้) ทำให้เครื่องจักรสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การที่เครื่องจักรทำงานได้ต่อเนื่องช่วยเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนในการซ่อมบำรุง การทำงานที่ปลอดภัยย่อมดีต่อขวัญและกำลังใจของพนักงาน 

ป้ายสถานะเครื่องจักรจึงถือว่าเป็นของเล็กๆ ที่เรียกว่าต้องมี ไม่ควรถูกมองข้ามในทุกธุรกิจที่มีการใช้เครื่องจักร โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม ป้ายชนิดพิเศษนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนสำหรับธุรกิจได้ในระยะยาว  ลูกค้าที่สนใจสามารถ ติดต่อเรา เพื่อปรึกษาถึงรูปแบบและรายละเอียดของป้ายได้เลยนะคะ

การเลือกวัสดุในการทำป้ายสำนักงานและโรงงาน

การเลือกวัสดุสำหรับการทำป้ายในสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของความทนทาน ความสวยงาม และระยะเวลาการใช้งาน ซึ่งวัสดุแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป หากคุณกำลังมองหาป้ายที่มีคุณภาพและอายุการใช้งานยาวนาน การเลือกวัสดุที่เหมาะสมถือเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจเลย เดี๋ยวเราค่อยๆ ดูกันว่ามีอะไรให้เลือกบ้างนะคะ

1. ไม้ 

ไม้ถือเป็นวัสดุคลาสสิกแต่โบราณก็ว่าได้ เราใช้ไม้ทำป้ายมานานมากแล้วไม่ว่าจะเอาสีเขียนลงบนไม้ตรงๆ เอาไม้ทาสีแล้วเขียน หรือแกะสลักข้อความลงบนไม้แล้วทาสีหรือเคลือบแลคเกอร์ต่างๆ จะว่าไปก็สวยงามไม่น้อย แต่ข้อเสียของไม้คือการทำจำนวนมากให้รวดเร็วรวมทั้งคล้ายหรือเหมือนกันดูไม่ง่ายนัก และมักมีปัญหาเรื่องความทนทาน เช่นการบิดงอ ผุกร่อน เป็นต้น

2. พลาสติก

พลาสติกเป็นวัสดุที่นิยมใช้ทำป้ายในหลายประเภท เพราะมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างเบาและหลากหลายราคาให้เลือก แถมยังมีหลายประเภทอีก เช่น แผ่นพลาสติกลูกฟูก อะคริลิก พลาสติกสองชั้นที่เตรียมไว้สำหรับการเซาะร่อง เป็นต้น เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่ต้องรับแรงกระแทกหรือสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ป้ายชื่อห้อง ป้ายบอกทาง หรือป้ายที่ติดในพื้นที่ภายในอาคารที่ไม่มีความชื้นสูง การพิมพ์บนพลาสติกสามารถทำได้ง่าย และมีความหลากหลายในการดีไซน์สีสันและรูปแบบ

3. เหล็ก

เหล็กเป็นวัสดุที่มีความทนทานสูงและสามารถรับแรงกระแทกได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักและความเสี่ยงที่อาจเกิดการขึ้นสนิมหากไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เหล็กมักจะเหมาะกับการทำป้ายที่ต้องติดตั้งในพื้นที่ที่มีความแข็งแรงสูง เช่น ป้ายที่ติดบนเครื่องจักร หรือป้ายในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก แต่อย่างที่ว่านะคะต้องทาสีเคลือบอย่างดี ไม่งั้นน้องหนิมถามหาแน่นอนค่ะ

4. อะลูมิเนียม

อะลูมิเนียมเป็นวัสดุที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศและการกัดกร่อนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นป้ายภายในหรือภายนอกอาคาร อะลูมิเนียมสามารถทนต่อความชื้นได้ดี ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับป้ายที่ต้องการความทนทานในระยะยาว โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้น เราอาจจะติดสติกเกอร์ พ่นสี หรือกัดกรดลงสีกับอะลูมิเนียมได้ นอกจากนั้นอะลูมิเนียมยังมีคุณสมบัติพิเศษที่เราสามารถชุบอะโนไดซ์ด้วยไฟฟ้าและลงสีได้ ซึ่งจะได้ป้ายที่ทนทานต่อการเช็ดล้าง จึงเหมาะมากในการทำเป็นป้ายติดเครื่องจักรต่างๆ ที่อาจจะเลอะเทอะง่ายและต้องการการทำความสะอาดบ่อย

5. สแตนเลส

สแตนเลสเป็นวัสดุที่มีความทนทานสูงสุดและมักจะใช้ในการทำป้ายที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงหรือมีสารเคมี เช่น ป้ายในห้องเคมีหรือโรงงานที่ใช้สารเคมี ซึ่งสแตนเลสมีความสวยงามและสามารถออกแบบให้มีความหรูหราได้เช่นเดียวกับป้ายที่ใช้ในสำนักงานระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งป้ายหรือเพลทชื่อเครื่องจักรที่ทำจากสแตนเลสกัดกรดลงสีนั้นต้องบอกว่าสวยงามจริงๆ

การเลือกวัสดุตามความทนทานและการใช้งาน

การเลือกวัสดุสำหรับป้ายจะต้องพิจารณาตามลักษณะการใช้งานของแต่ละพื้นที่ ตัวอย่างเช่น หากป้ายจะถูกติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นหรือสารเคมีสูง เช่น ห้องเครื่องจักรหรือห้องควบคุมไฟฟ้า วัสดุอย่างสแตนเลสหรืออะลูมิเนียมจะเหมาะสมกว่า ขณะที่พลาสติกหรือเหล็กอาจเหมาะสำหรับป้ายที่ติดในอาคารภายในที่ไม่สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง

สุดท้าย การเลือกวัสดุสำหรับป้ายก็ต้องพิจารณาถึงความสวยงามและการออกแบบที่ต้องการ เพราะวัสดุแต่ละชนิดจะดูแตกต่างกันได้มาก หากต้องการความทนทานในระยะยาวและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษาในการเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้เลยนะคะ

สแตนเลสกัดกรดลงสีและอลูมิเนียมอโนไดซ์ อะไรน่าใช้กว่ากัน

ในกระบวนการของป้ายสารพัดชนิดแล้ว ป้ายที่ขึ้นชื่อว่า สวยงาม หรูหรา ดูดี จะต้องมีป้ายสองชนิดนี้ถูกรวมเข้าไปอยู่ด้วยแน่นอนคือ ป้ายสแตนเลสกัดกรดลงสีและป้ายอลูมิเนียมอโนไดซ์  ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีวิธีการทำที่แตกต่างกันมาก ทำให้คุณสมบัติและลักษณะของมัน (appearance) ต่างกันอยู่ไม่น้อย  มาลองดูทีละแบบกันดีกว่า

ป้ายโลหะกัดกรดลงสี

ป้ายชนิดนี้ทำจากโลหะที่เหมาะสม กระบวนการผลิตคือสร้างชั้นปิดผิวโลหะส่วนใหญ่เอาไว้ให้เหลือไว้แต่ส่วนที่ต้องการให้เป็นลายเส้นหรือตัวอักษรต่างๆ จากนั้นจึงกัดด้วยสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดให้มีความลึกตามต้องการ (เช่น 0.1-0.2มม.) เมื่อล้างวัสดุปิดผิวหน้าออกจะได้ชิ้นงานโลหะมีลวดลายที่เกิดขึ้นจากการกัดของสารเคมี จากนั้นใช้สีเติมลงไปในร่องลวดลายที่เกิดขึ้นนั้น 

ป้ายหรือเพลทโลหะกัดกรดส่วนใหญ่แล้วจะทำจากโลหะสองชนิดคือสแตนเลสและอะลูมิเนียม  ข้อดีของสแตนเลสสกัดกรดลงสีคือความสวยงาม  แต่ถ้าเราทำกระบวนการนี้กับอะลูมิเนียมจะไม่สวยงามเท่าสแตนเลสเพราะความพรุนของตัวอะลูมิเนียมเองทำให้เมื่อกัดด้วยสารเคมีและลงสีแล้วไม่สวยไม่คมชัด  ป้ายโลหะกัดกรดลงสีควรอยู่ในห้องที่สะอาด มิดชิด ได้รับการดูแลทำความสะอาดถูกวิธี ต้องระวังรอยขีดข่วนเป็นพิเศษ  นอกจากนั้นแม้ว่าสีต่างๆ อยู่ในร่องที่เราสร้างขึ้นแต่บนผิวสีไม่มีอะไรปกปิดไว้จึงมีความเป็นไปได้ที่เมื่อโดนสารเคมีหรือสารทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสมก็จะละลายออกมาได้

ป้ายอะลูมิเนียมอโนไดซ์

โดยพื้นฐานแล้วอโนไดซ์ (anodizing) เป็นกระบวนการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า โลหะที่เหมาะสมคืออะลูมิเนียม (ไม่สามารถทำบนสแตนเลสได้)  แผ่นโลหะอะลูมิเนียมจะถูกนำไปชุบด้วยไฟฟ้าซึ่งสร้างชั้นของท่อแนวตั้งขนาดเล็ก (porous layer) ความสูงประมาณ 20 ไมครอน บนผิวหน้าของแผ่นอะลูมิเนียมทั้งหมด ผิวลักษณะนี้มีความแข็งแรง ทนทานต่อการขูดขีด จากนั้นนำชิ้นงานไปพิมพ์ลวดลายต่างๆ ที่ต้องการด้วยสีเฉพาะ สีจะเข้าไปอยู่ในท่อเล็กๆ ที่ถูกสร้างขึ้น หลังจากลงสีแล้วแผ่นโลหะจะถูกนำไปผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อปิดท่อเล็กๆ สีจึงถูกกักเก็บไว้ในท่อและไม่สามารถหลุดออกมาได้  ส่วนบริเวณที่ไม่ได้ลงสีก็ท่อก็จะถูกปิดเช่นกันทำให้ไม่มีความสกปรกลงไปได้อีก  นอกจากนั้นพื้นผิวโลหะทั้งหมดจะทนต่อสารเคมีหลายประเภท เราจึงไม่นำไปกัดเซาะร่องด้วยกระบวนการทางเคมีอีก

ข้อได้เปรียบของป้ายอลูมิเนียมอโนไดซ์คือ ผิวแข็งแรง สีไม่หลุดลอก สามารถเช็ดล้างได้ง่ายด้วยน้ำมันหรือสารเคมีหลายประเภท ดูแลรักษาง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม

สรุปความแตกต่างของป้ายทั้งสองชนิด

เราสามารถสรุปความแตกต่างของป้ายทั้งสองแบบนี้ได้ตามตารางด้านล่าง

และถ้าย้อนกลับไปถึงคำถามที่เป็นชื่อเรื่องนี้ก็คือ ระหว่างป้ายสแตนเลสกัดกรดลงสีกับอลูมิเนียมอโนไดซ์ อะไรน่าใช้กว่ากัน คงตอบได้ยากเพราะทั้งคู่นั้นสวยและดูดี ขึ้นกับความต้องการและสภาพแวดล้อมในการใช้งานของลูกค้าเสียมากกว่าครับ   และสำหรับท่านที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรือต้องการสั่งทำป้ายไม่ว่าแบบใด ติดต่อเรา ได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ